สิทธิในเสรีภาพในการแสดงออกออนไลน์
ภาพรวม
การรัฐประหารโดยทหารในปี 2557 คือจุดเริ่มต้นในความพยายามที่ยาวนานของทางการไทย ในการปิดปากนักปกป้องสิทธิมนุษยชน นักกิจกรรม นักข่าว และนักการเมืองฝ่ายค้าน รวมถึงในโลกออนไลน์ หลายคนหวังว่าการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม 2562 จะสิ้นสุดการปราบปรามซึ่งมีเป้าหมายเป็นบุคคลที่วิจารณ์รัฐบาลและสถาบันพระมหากษัตริย์ในโลกออนไลน์รวมถึงใครก็ตามที่มีแนวคิดต่างจากสิ่งที่รัฐบาลยอมรับ แต่ช่วงเวลาหนึ่งปีที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ประเทศไทยกลับไม่แสดงสัญญาณว่าจะผ่อนปรนข้อจำกัดด้านเสรีภาพในการแสดงออกออนไลน์ แทนที่รัฐบาลจะยกเลิกวิธีการเอาผิดกับเนื้อหาที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของทางการไทย รัฐบาลกลับดำเนินคดีกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพียงเพราะพวกเขาใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกออนไลน์อย่างสงบทั้งยังคุกคามและข่มขู่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต
นับตั้งแต่การเลือกตั้งในเดือนมีนาคม 2562 ทางการไทยยังคงดำเนินคดีอาญากับบุคคลที่เล็งเห็นข้อบกพร่องในการปฏิบัติงานของรัฐบาล ไม่ว่าพวกเขาจะวิพากษ์วิจารณ์ตำรวจ ทหาร หรือคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งประเทศไทย บุคคลที่ตรวจสอบกิจกรรมของหน่วยงานรัฐเหล่านี้และเรียกร้องความยุติธรรมต้องเผชิญกับโทษจำคุกและค่าปรับมูลค่าสูง ในหลายกรณีรัฐบาลพุ่งเป้าฟ้องร้องคดีอาญากับบุคคลที่มีชื่อเสียงเพื่อส่งข้อความไปยังผู้ใช้อินเตอร์เน็ตอื่นว่าทางการไทยไม่อดกลั้นต่อความเห็นต่าง กลยุทธ์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความกลัว รวมถึงเพื่อยับยั้งการโพสต์และแชร์เนื้อหาเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของรัฐบาลที่รัฐถือเป็น “ข้อมูลเท็จ”
หลังจากมีการระบาดของโควิด-19 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชาตัดสินใจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งถือว่ารัฐบาลเพิ่มข้อจำกัดด้านเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบอย่างมีนัยยะสำคัญ ทางการไทยใช้อำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ทันทีเพื่อให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่รัฐในการเซ็นเซอร์เนื้อหาเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ที่ถือว่าเป็น "เท็จ" หรืออาจก่อให้เกิดความตระหนกในหมู่ประชาชน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลยุติการฟ้องร้องบุคคลด้วยกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ตัวเลขที่ลดลงนี้ไม่ได้ขัดขวางรัฐบาลจากการสกัดกั้นการแสดงออกออนไลน์ที่รัฐมองว่าสร้างความเสียหายแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ผ่านกฎหมายอื่นที่มี ข้อความไม่ชัดเจน บทบัญญัติที่คลุมเครือในกฎหมายที่มีปัญหาหลายฉบับยังคงเปิดช่องว่างให้รัฐบาลข่มขู่บุคคลที่วิจารณ์การทำงานของรัฐ เช่น พระราชบัญญัติความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์) และมาตรา 116 แห่งประมวลกฎหมายอาญา (การยุยงปลุกปั่น)
นอกจากนี้ทางการไทยยังกำหนดให้การหมิ่นประมาทเป็นคดีอาญา และเป็นอีกช่องทางหนึ่งให้เจ้าหน้าที่สกัดกั้นความเห็นต่าง การฟ้องร้องดำเนินคดีโดยรัฐบาลตั้งแต่เดือนมีนาคม2562 ชี้ให้เห็นแนวโน้มการควบคุมพื้นที่ออนไลน์มากขึ้นเพื่อยับยั้งการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออก ความพยายามกำหนดรูปแบบการพูดคุยบนสื่อโซเชียลผ่านการข่มขู่และคุกคาม ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลพยายามใช้วิธีใหม่เพื่อจำกัดการแสดงออกบนโลกออนไลน์ซึ่งแลดูเป็นวิธีที่สร้างข้อจำกัดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ก็ยับยั้ง การวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนต่อวิธีการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 ของรัฐบาลด้วย
ในเดือนพฤศจิกายน 2562 มีการเปิดตัวศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมที่ดำเนินการโดยภาครัฐ ซึ่งเพิ่มความกังวลว่ารัฐบาลเชื่อว่าหน่วยงานของตนเป็นผู้ควบคุมมาตรฐานการต่อสู้กับ "ข่าวปลอม" บนสื่อออนไลน์ แม้ว่าหน่วยงานรัฐอื่นที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ฯ ดำเนินงานเพื่อหยุดการแพร่กระจาย "ข้อมูลเท็จ" ในประเด็นสำคัญบางประเด็น แต่ไม่ได้ดำเนินงานเพื่อรับมือต่อการระบาดของโควิด-19 เจ้าหน้าที่กลับไม่ดำเนินการช่วยเหลือตามข้อร้องเรียนของบุคคลที่ตกเป็นเป้าหมายของวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง และการรณรงค์ออนไลน์ด้วยข้อมูลเท็จ แม้รัฐบาลจะพยายามทำให้อินเตอร์เน็ตเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยขึ้น แต่กลับไม่ครอบคลุมไปยังผู้ที่มีความเห็นต่าง