แอมเนสตี้เรียกร้องทางการกัมพูชาหยุดกดดันเพื่อนบ้านในภูมิภาคให้คุกคามผู้นำฝ่ายค้าน

8 พฤศจิกายน 2562

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องทางการกัมพูชาควรหยุดกดดันรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านให้คุกคาม ข่มขู่ จับกุม และควบคุมตัวพลเมืองกัมพูชาที่มีความสัมพันธ์กับพรรคสงเคราะห์ชาติ (CNRC) พรรคการเมืองฝ่ายค้านที่ถูกยุบไปแล้ว หลังมีข่าวว่าสมาชิกพรรคหลายคนถูกควบคุมตัวหรือถูกคุกคามตลอดทั้งภูมิภาคในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทั้งในอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย

 

นิโคลัส เบเคลัง ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยว่า ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ข่มขู่และคุกคามอย่างโจ่งแจ้งต่อชาวกัมพูชาตลอดทั่วภูมิภาค เป็นเรื่องน่าเสียใจที่รัฐบาลฮุนเซนพยายามขอความร่วมมือจากเพื่อนบ้านในภูมิภาค ให้ทำการปฏิบัติมิชอบอย่างชัดเจนเช่นนี้

 

สมาชิกหลายคนของพรรคสงเคราะห์ชาติ (CNRC) ที่ถูกสั่งยุบไปแล้ว ถูกควบคุมตัวหรือถูกคุกคามตลอดทั้งภูมิภาคในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทั้งในอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย

 

มู ซกฮัว รองหัวหน้าพรรคสงเคราะห์ชาติ ซึ่งมีทั้งสัญชาติกัมพูชาและสหรัฐฯ ถูกทางการมาเลเซียควบคุมตัวไว้เกือบทั้งวัน เมื่อเดินทางถึงสนามบินนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์เช้าวันนี้ เธอได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา

 

เงื่อม เคียทาและเฮงเสียงเหลียง พลเมืองกัมพูชาอีกสองคน ถูกทางการมาเลเซียควบคุมตัวตั้งแต่วันจันทร์ หลังมีข่าวสับสนมาหลายวันว่า จะถูกเนรเทศกลับไปกัมพูชาหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้พวกเขาต้องถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ต่อมาทางการมาเลเซียประกาศจะปล่อยตัวพวกเขา

 

ถือว่า ทางการมาเลเซียทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะความจริงทั้งสามคนไม่ควรถูกควบคุมตัวเลยตั้งแต่ต้น ประเทศอื่นๆ ในอาเซียนต้องปฏิบัติตาม และปฏิเสธที่จะร่วมมือในการปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชนของกัมพูชา

 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้พบเอกสารที่ระบุว่า เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ทางการกัมพูชาได้สั่งเพิกถอนหนังสือเดินทางพลเมืองกัมพูชา 12 คนโดยพลการ เนื่องจากพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคสงเคราะห์ชาติ

 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลยังได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า คนงานข้ามชาติชาวกัมพูชาในไทยตกเป็นเป้าถูกสอดส่องและมีการข่มขู่มากขึ้นตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยในวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่จังหวัดสมุทรปราการตำรวจได้สลายกลุ่มชาวกัมพูชา 60 กว่าคน และจับกุมสองคน โดยนำตัวไปสอบสวนหลายชั่วโมงก่อนจะปล่อยตัวไป ในวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ปทุมธานี ตำรวจ 10 กว่านายเข้าล้อมบ้านของชายชาวกัมพูชา แม้ว่าเขาจะหลบหนีออกจากบ้านไปได้แล้ว

 

ในวันที่ 6 พฤศจิกายน ก่อนเดินทางไปมาเลเซีย มู ซกฮัว ได้จัดการแถลงข่าวที่กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย ซึ่งทางเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำอินโดนีเซียได้เข้ามาก่อกวน และสั่งให้จับกุมเธอ ในเดือนตุลาคมทางการไทยยังปฏิเสธไม่ให้      มู ซกฮัวเดินทางเข้าประเทศ หลังจากทางการกัมพูชาออกหมายจับหัวหน้าพรรคสงเคราะห์ชาติ และเผยแพร่ไปยังผู้นำต่าง ๆ ในอาเซียน

 

ทางการกัมพูชายังดำเนินการอื่น ๆ เพื่อขัดขวางการเดินทางกลับประเทศของหัวหน้าพรรคสงเคราะห์ชาติ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน องค์กรการบินพลเรือนของกัมพูชาขู่จะดำเนินคดีกับสายการบินที่สนับสนุน “การทำรัฐประหาร” หากอนุญาตให้สม รังสี ว่าที่หัวหน้าพรรคสงเคราะห์ชาติขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับกัมพูชา

 

ช่วงเช้าของวันที่ 7 พฤศจิกายน ทางสายการบินปฏิเสธไม่ให้สม รังสีเช็คอินขึ้นเครื่องบินจากปารีสไปกรุงเทพฯ โดยหนึ่งวันก่อนหน้านั้น นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชากล่าวว่า จะไม่อนุญาตให้สม รังสีเดินทางกลับกัมพูชาผ่านประเทศไทย

 

ข้อมูลพื้นฐาน

 

การข่มขู่ คุกคาม จับกุม และการกดดันอื่นๆ อย่างต่อเนื่องเกิดขึ้นหลังจากสม รังสีซึ่งอาศัยอยู่ในฝรั่งเศส ประกาศจะเดินทางกลับกัมพูชาในวันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พรรคสงเคราะห์ชาติเรียกร้องให้ประชาชนชุมนุมใหญ่ในวันเดียวกัน ทางการกัมพูชาได้ตอบโต้โดยกล่าวหาว่าแผนการเดินทางกลับครั้งนี้ เป็นความพยายามก่อรัฐประหาร ทั้งยังสั่งปราบปรามอย่างหนักหน่วงต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคสงเคราะห์ชาติ

 

นับแต่เดือนสิงหาคมเมื่อสม รังสีประกาศเช่นนี้ ส่งผลให้อดีตสมาชิกพรรคสงเคราะห์ชาติอย่างน้อย 45 คน ถูกคุมขัง และอีก 92 คนถูกดำเนินคดีในข้อหาทางการเมือง รวมทั้ง “วางแผนการต่อต้านรัฐ” และ “การโจมตี” ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการเดินทางกลับมายังกัมพูชาของหัวหน้าพรรคสงเคราะห์ชาติซึ่งอาศัยอยู่ต่างประเทศ การจับกุมที่เกิดขึ้นมักไม่เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายและไม่มีการออกหมายจับ

 

การปราบปรามอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตแล้วในกัมพูชา เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม แซม โบพา นักเคลื่อนไหวของพรรคสงเคราะห์ชาติ ถูกสังหารระหว่างการควบคุมตัวของตำรวจ โดยเขาถูกจับกุมจากบ้านที่จังหวัดสะหวายเรียง ทิธ รอน นักเคลื่อนไหวอีกคนหนึ่งของพรรคสงเคราะห์ชาติ เสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว ไม่นานหลังถูกจับกุมโดยพลการเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมาไม่มีการสอบสวนอย่างเป็นอิสระเพื่อจำแนกสาเหตุการเสียชีวิตของเขา แม้บนศพของเขาปรากฏร่องรอยบาดแผล ซึ่งมีลักษณะเหมือนถูกซ้อม 

พัฒนาการที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ยังเกิดขึ้นพร้อมกับการตรึงกำลังทหารที่เพิ่มขึ้นตามจังหวัดชายแดนของกัมพูชา โดยนายกรัฐมนตรีฮุนเซนสั่งการอย่างเปิดเผยให้กองทัพโจมตีกลุ่มฝ่ายค้านใด ๆ ที่จะจัดการชุมนุมในวันที่ 9 พฤศจิกายน มีการสั่งซ้อมรบของทหารโดยใช้กระสุนจริง และการตรึงกำลังทหารตามเขตเมืองต่าง ๆ ที่ติดกับชายแดนไทย ยิ่งทำให้เกิดข้อกังวลอย่างมากว่าอาจเกิดความรุนแรงขึ้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน

 

เข้ม โสกา ประธานพรรคสงเคราะห์ชาติยังคงถูกควบคุมตัวและดำเนินคดีในข้อหา “สมคบคิดกับมหาอำนาจจากต่างชาติ” นับแต่ถูกจับกุมเมื่อปี 2560 ภายหลังถูกควบคุมตัวในเรือนจำที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุดเป็นเวลาหนึ่งปี ทางการได้เปลี่ยนมาควบคุมตัวเขาในบ้าน โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เข้มงวดตั้งแต่เดือนกันยายน 2561