ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร (อธิบดีกรมการปกครอง) มีคำสั่งไม่รับจดทะเบียนแต่งตั้ง นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นกรรมการสมาคมแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

20 กันยายน 2562

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

25 กันยายน 2562
 

เรื่อง ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร (อธิบดีกรมการปกครอง) มีคำสั่งไม่รับจดทะเบียนแต่งตั้ง นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นกรรมการสมาคมแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

 

เรียน สมาชิก และสื่อมวลชน

ตามที่นายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร (อธิบดีกรมการปกครอง) มีคำสั่งไม่รับจดทะเบียนแต่งตั้ง นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นกรรมการสมาคมแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย โดยให้เหตุผลว่ามีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม หรือขัดต่อคุณสมบัติการเป็นกรรมการสมาคมฯ สมาคมฯ ขอเรียนให้ทุกท่านทราบรายละเอียดข้อมูล ข้อเท็จจริง ดังนี้

 

1. นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นสมาชิกสมาคมแอมเนสตี้ฯ ตามข้อบังคับสมาคมฯ หมวดที่ 3 ว่าด้วยสมาชิก ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555

 

2. ต่อมาเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2561 สมาคมฯได้เปิดรับสมัครกรรมการสมาคมฯ แทนตำแหน่งที่ว่าง และนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ได้ยื่นสมัครเข้าเป็นกรรมการสมาคมฯ ในสัดส่วนกรรมการประเภทเยาวชน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนและไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นกรรมการสมาคมฯ ตามข้อบังคับ ข้อที่ 15 (1) สมาคมฯ จึงรับรองให้นายเนติวิทย์ฯ เป็นผู้สมัครกรรมการสมาคมฯ ในสัดส่วนกรรมการประเภทเยาวชน

 

3. ต่อมาเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2561ที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2561 ของสมาคมฯ มีมติเลือกนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นกรรมการสมาคมฯ ในสัดส่วนกรรมการประเภทเยาวชน

 

4. ต่อมาเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2561 สมาคมฯได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเปลี่ยนกรรมการของสมาคมฯต่อนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร ตามคำขอที่ 49/2561

 

5. ต่อมาเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 สำนักงานเขตจตุจักร มีหนังสือที่ กท 6501/7405 ลงวันที่26 พฤศจิกายน 2561 แจ้งว่า นายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร ไม่อาจรับจดทะเบียนและออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนการแต่งตั้งกรรมการของสมาคมขึ้นใหม่ทั้งชุด รายนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ได้โดยชี้แจงเหตุผลมีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม หรือขัดต่อคุณสมบัติการเป็นกรรมการสมาคมฯ รวมถึงไม่รับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการคนอื่นๆอีก 3 ท่านที่นายทะเบียนไม่ได้โต้แย้งคุณสมบัติไว้ด้วย ต่อมาภายหลังสมาคมฯทำหนังสืออุทธรณ์กรณีดังกล่าว นายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร จึงรับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการคนอื่นไว้แล้ว เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2562

 

6. ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2561 สมาคมฯ ได้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับจดทะเบียนแต่งตั้งนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นกรรมการสมาคมฯ ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

 

7. ต่อมากรมการปกครองมีหนังสือที่ มท 0307.5/12277 ลงวันที่ 16 พฤษภาคม 2562 ชี้แจงเหตุผลเพิ่มเติมโดยอ้างว่า ได้รับข้อมูลจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองความมั่นคงของรัฐว่า นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ถูกดำเนินคดีอาญา ในข้อหา “ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ข้อ 12” จำนวน 4 คดี ดังนั้นจึงพิจารณาเห็นว่า พฤติการณ์ของนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล อาจขัดกับการบริหารกิจการตามวัตถุประสงค์ของสมาคมที่ดี เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และเป็นแนวทางที่เป็นตัวอย่างให้กับบุคคลและเยาวชนทั่วไป เป็นพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสม หรือขัดต่อคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งกรรมการสมาคมที่อาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของประเทศ

 

8. ต่อมาเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2562 สมาคมฯ ได้ทำหนังสือชี้แจงต่อนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร และยืนยันว่านายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นกรรมการสมาคมฯ และขอให้นายทะเบียนสมาคมฯ ดำเนินการพิจารณาแต่งตั้งนายเนติวิทย์ตามกฎหมายโดยเร็ว

 

9. ต่อมาเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2562 สมาคมฯได้ทำหนังสือทวงถามผลการพิจารณาอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพิกเฉยไม่ดำเนินการพิจารณาอุทธรณ์ของสมาคมฯ ภายในกำหนดระยะเวลา 90 วัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 82 วรรคท้าย

 

10. ต่อมาเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2562 สมาคมฯ รับทราบผลการพิจารณาว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พิจารณายกอุทธรณ์ของสมาคมฯ (ตามหนังสือกรมการปกครอง ที่ มท 0307.5/25503 ลงวันที่ 23 กันยายน 2562)

 

สมาคมฯ ขอเรียนให้ทุกท่านทราบว่า คณะกรรมการสมาคมฯ ได้พิจารณาเห็นแล้วว่า นายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร (อธิบดีกรมการปกครอง) ใช้ดุลพินิจและอำนาจหน้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะเป็นการขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 29 วรรคสอง บัญญัติว่า “ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้” ประกอบกับข้อเท็จจริงพบว่า การที่พนักงานสอบสวนตั้งข้อหาคดีอาญาจำนวน 4 คดี ในความผิดฐาน“ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ข้อ 12” ปรากฎว่า ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องแล้ว จำนวน 2 คดี และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ข้อ 12 ถูกยกเลิกโดยคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2561 ข้อ 1 (7) แล้ว ทำให้คดีอาญาที่พนักงานสอบสวนตั้งข้อกล่าวหาต่อนายนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ไม่อาจดำเนินคดีได้อีกต่อไป และศาลไม่อาจพิพากษาและลงโทษให้นายเนติวิทย์ฯ มีความผิดตามข้อกล่าวหาดังกล่าวได้อีกต่อไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 ดังนั้น การที่นายทะเบียนสมาคมฯ หยิบยกเหตุผลว่า นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ถูกดำเนินคดีอาญาดังกล่าว เป็นเหตุให้ไม่รับจดทะเบียนแต่งตั้งเป็นกรรมการสมาคมฯ จึงเป็นการใช้ดุลพินิจและออกคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งยังขัดต่อวัตถุประสงค์ของสมาคมฯ ในการปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ด้วย

 

จึงให้ดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง กรณีนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร (อธิบดีกรมการปกครอง) ใช้อำนาจหน้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในกรณีมีคำสั่งไม่รับจดทะเบียนแต่งตั้งนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นกรรมการสมาคมฯ และฟ้องร้องดำเนินคดีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่โดยวินิจฉัยอุทธรณ์ของสมาคมฯ ล่าช้าเกินกำหนดระยะเวลา ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 82 วรรคท้ายกำหนด

 

โดยสมาคมฯ คาดว่าจะดำเนินการฟ้องร้องคดีดังกล่าวต่อศาลปกครองกลางในต้นเดือนตุลาคม 2562 นี้ โดยจะแจ้งให้ทุกท่านทราบอีกครั้งหนึ่ง

 

อภิชาต พงษ์สวัสดิ์

ประธานกรรมการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

จดหมายจากกระทรวงมหาดไทย

70952679_2548670081863673_5283282637094387712_o.jpg