ในวาระครบรอบ 20 ปีของการบังคับให้สูญหายกรณีทนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความสิทธิมนุษยชน
ชนาธิป ตติยการุณวงศ์ นักวิจัยระดับภูมิภาคประจำประเทศไทย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่า ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ทางการไทยล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการอำนวยให้เกิดความยุติธรรม ความจริง หรือการเยียวยาต่อทนายสมชายและครอบครัวของเขา การบังคับให้สูญหายกรณีนี้และอีกหลายกรณีที่เน้นย้ำให้เห็นวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิดที่หยั่งรากลึกในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันรัฐพยายามที่จะเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
“นับตั้งแต่20 ปีของการหายตัวไปของทนายสมชายในจังหวัดกรุงเทพฯ ที่ผ่านมา ยังมีคำตอบเพียงน้อยนิด และมีความหวังที่เลือนลาง ในขณะยังมีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะปิดปาก จูงใจหรือข่มขู่สมาชิกในครอบครัวของเขาล้มเลิกการรณรงค์เรียกร้องความยุติธรรม”
ข้อมูลพื้นฐาน
ทนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความสิทธิมนุษยชน อดีตรองประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ และอดีตประธานชมรมนักฎหมายมุสลิม ได้หายตัวไปในย่านรามคำแหงของกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2547 นักปกป้องสิทธิมนุษยชนท่านนี้ยังคงหายตัวไปจนถึงทุกวันนี้
มีการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 นาย ไม่นานหลังการหายตัวไปของทนายสมชาย โดยถูกกล่าวหาว่าบังคับขืนใจให้เขาเข้าไปในรถยนต์ แต่ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาให้ยกฟ้องคดีเมื่อเดือนธันวาคม 2558 เนื่องจากทางครอบครัวไม่มีคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับที่อยู่ของทนายสมชาย ทำให้ไม่สามารถเป็นโจทก์แทนทนายสมชายในคดีนี้ได้ และมีคำพิพากษาที่ปฏิเสธสิทธิที่จะยื่นฟ้องคดีต่อศาล
ทนายสมชายเป็นนักกิจกรรมที่มีชื่อเสียง เคลื่อนไหวรณรงค์เพื่อสิทธิของชาวมุสลิมเชื้อสายมลายู รวมทั้งผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายอย่างอื่น ระหว่างถูกทหารควบคุมตัวในจังหวัดชายแดนของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งให้อำนาจอย่างกว้างขวางกับทางการในการควบคุมตัวบุคคลเป็นเวลาเจ็ดวันในค่ายทหารโดยไม่ต้องมีข้อหา
อังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของทนายสมชาย ในฐานะเป็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ยังคงรณรงค์ในประเด็นการบังคับให้สูญหาย ปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกของคณะกรรมการแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการกระทำให้บุคคลสูญหายโดยบังคับหรือไม่สมัครใจ และก่อนหน้านั้นเคยเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
จากการเคลื่อนไหวของเธอ ทำให้เธอตกเป็นเป้าของการถูกข่มขู่ที่จะใช้ความรุนแรง ทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ศาลอาญามีคำสั่งระงับการให้ความคุ้มครองพยานต่ออังคณา เมื่อเดือนตุลาคม 2565 เนื่องจากเห็นว่าคดีเกี่ยวกับหายตัวไปของทนายสมชายได้รับการพิจารณาจนเสร็จสิ้นไปนานแล้ว