Amnesty International
“การเขียนจดหมายหรือใช้ตัวอักษรสื่อสารนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุด เพราะสามารถเริ่มจากคนเพียงคนเดียวได้ แต่ถ้าหากจะทำให้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เราจะต้องใช้หลายตัวอักษร ใช้จดหมายหลายฉบับ และใช้หลายคนมาช่วยกัน”
23 ปี Write for Rights สร้าง…พลังจากปลายปากกา
หากใครที่ได้รู้จักกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล อาจจะได้เห็นการรณรงค์แคมเปญระดับโลก “Write for Rights” หรือ “เขียน เปลี่ยน โลก” ที่เราจัดขึ้นในทุกๆ ปีเพื่อเรียกร้องและยืนหยัดเคียงข้างนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจากทั่วทุกมุมโลก ผ่านการเขียนจดหมายให้กำลังใจ และร่วมลงชื่อเพื่อส่งเสียงถึงผู้มีอำนาจให้ดำเนินการยุติการละเมิดสิทธิของผู้คน
การกลับมาของแคมเปญ Write for Rights 2024 ในปีนี้ แม้หลายคนจะเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการเคารพสิทธิมนุษยชนซึ่งกันและกันมากขึ้นแล้ว แต่ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังรอคอยความยุติธรรมและรอวันที่จะได้รับอิสรภาพจากการถูกคุมขังเพียงเพราะพวกเขาเหล่านั้นออกมาใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออก

จิณห์วรา ช่วยโชติ เจ้าหน้าที่ฝ่ายรณรงค์สาธารณะ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เล่าย้อนให้เห็นภาพถึงความสำคัญและพลังจากปลายปากกาที่แม้แต่คนธรรมดาก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ได้ จากจุดเริ่มต้นที่มาจากประโยคว่า “การเขียนมาราธอน” ของกลุ่มนักศึกษาเพื่อเรียกร้องให้มีการยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชน ผ่านการใช้น้ำหมึกหรือดินสอถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ลงบนกระดาษเพื่อส่งจดหมายไปถึงงผู้มีอำนาจ มาสู่วันนี้ 23 ปีแล้ว ที่ Write for Rights ได้กลายเป็นแคมเปญระดับโลก และนำพาให้หลายคนได้กลับมารับอิสรภาพอีกครั้ง หลังต้องติดอยู่ในกับดักแห่งความอยุติธรรม
“นอกจากเราจะได้จดหมายและโปสต์การ์ดจากแคมเปญ แต่มันยังเป็นเหมือนพลังและสปอตไลต์แห่งความหวัง ที่ผู้มีอำนาจจะไม่สามารถไปละเมิดสิทธิของผู้อื่นได้”
เขียนเพื่อให้กำลังใจ และส่งเสียงถึงผู้มีอำนาจ
ในช่วงเวลาที่ต้องทนทุกข์อยู่ในเรือนจำ การได้รับกำลังใจจากใครสักคนหนึ่งนับเป็นเรื่องที่ทำให้ใจฟูอยู่ไม่น้อย การเขียนจดหมายในแคมเปญ Write for Rights จึงมีจุดประสงค์เพื่อทำให้ผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิได้รับรู้ และยืนหยัดไปด้วยความหวัง เพราะจดหมายทุกฉบับ โปสต์การ์ดทุกใบที่ถูกส่งไป ล้วนแล้วแต่เป็นการให้กำลังใจที่ไม่เพียงแค่ผู้ถูกคุมขัง แต่ยังเป็นการเขียนเพื่อให้กำลังใจคนที่อยู่ข้างหลังการต่อสู้นั้น Write for Rights จึงเป็นการเขียนเพื่อแสดงถึงจุดยืนว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้สู้อยู่อย่างลำพังท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชน
“จดหมายเป็นเพียงแค่ช่องทางเดียวที่ทำให้พวกเขารับรู้ได้ว่ามีคนอีกมากที่ยังยืนหยัดอยู่เคียงข้าง”
นอกจากนี้ การเขียนยังสามารถส่งเสียงไปถึงผู้มีอำนาจที่สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางเงื่อนไขของกฎหมาย ทั้งรัฐบาล ทหาร อัยการสูงสุด นายกรัฐมนตรี หรือพระมหากษัตริย์เราสามารถเขียนจดหมายถึงเพื่อเรียกร้องให้มีการแก้ไขหรือทบทวนเรื่องราวต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับกุมคุมขังจากการออกมาใช้สิทธิในเสรีภาพของตัวเอง หรือแม้แต่การติดตามในส่วนของการดำเนินคดีที่มีความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อทำให้ทุกคนได้มั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าต้องไม่มีใครถูกลงโทษเพียงเพราะการแสดงออก
23 ปีแห่งความหวังกับการสร้างพลังจากคนธรรมดา
ตลอดระยะเวลากว่า 23 ปีที่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ทำงานผ่านแคมเปญ Write for Rights เขียน เปลี่ยน โลก มีผู้คนจำนวนมากที่ได้รับความช่วยเหลือและได้รับกำลังใจจากจดหมายที่ถูกส่งไปในเรือนจำ แต่ทั้งนี้การเรียกร้องสิทธิมนุษยชนก็ไม่สามารถสรรสร้างให้ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้อย่างทันตาเห็น เราต้องใช้เวลา และต้องใช้ความพยายามจากทุกคน
เพียว เพียว อ่อง คือหนึ่งเคสตัวอย่างถูกจับกุมจากการออกมาใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ เคสจากประเทศเมียนมาที่จิณห์วราหยิบยกขึ้นมาเล่า เพราะด้วยความยากทางสถานการณ์บ้านเมือง และสิทธิเสรีภาพที่ถูกจำกัดอย่างหนักในขณะนั้น จึงทำให้การทำงานของแคมเปญ Write for Rights เป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่สุดท้ายแล้ว เพียว เพียว อ่องก็ได้รับการปล่อยตัว แม้จะต้องใช้เวลาในการต่อสู้ยาวนานแรมปี
“เวลาที่เราทำงาน เราก็จะคุยกับเคสที่ได้รับผลกระทบ หลายครั้งคนเหล่านั้นก็จะบอกกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลว่า เวลาที่ต้องอยู่ในเรือนจำ สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขายังคงยืนหยัดได้ก็คือจดหมายจากทุกคนที่ส่งไปถึง”
ในปี 2021 จาง จ่าน นักข่าวพลเมืองชาวจีนถูกจับกุมจากการทำหน้าที่รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่สร้างความเสียหายให้กับผู้คนทั่วโลก แอมเนสตี้ทำงานเพื่ออย่างหนักเพื่อรณรงค์ให้มีการปล่อยตัวและคืนอิสรภาพให้กับเธอ กระทั่งในปีนี้ 2024 จาง จ่านก็ได้รับการปล่อยตัว แต่ถึงแม้อิสรภาพจะกลับคืนมา แต่แอมเนสตี้ก็ยังคงต้องทำงานและติดตามต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เป็นเพียงแค่การปล่อยตัวชั่วคราว
“หัวใจสำคัญของแคมเปญ Write for Rights เขียน เปลี่ยน โลก คือคนที่ถูกละเมิดสิทธิจะต้องได้รับความยุติธรรม ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม” จิณห์วรา เล่าถึงจุดมุ่งหมายของแคมเปญ Write for Rights เขียน เปลี่ยน โลก
และแม้ตลอดระยะเวลาที่ทำงานรณรงค์จะเจอกับการตั้งคำถามมากมาย แต่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลก็ยังคงยืนหยัดทำงานเพื่อเคียงผู้คนที่ถูกละเมิดสิทธิ และทำให้เรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม กลยุทธ์มากมายถูกหยิบยกขึ้นมาสื่อสาร การปรับตัวที่เป็นไปตามความเปลี่ยนแปลงทางสังคม หรือแม้กระทั่งการนำเอาเรื่องราวที่กำลังเป็นกระแสมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวเล่าผ่านตัวละครที่บางครั้งอาจเป็นหนึ่งในเคสของแคมเปญ จิณห์วราอธิบายเพิ่มเติมว่าเรื่องราวการถูกละเมิดสิทธิของผู้คนไม่ว่าจะต่างประเทศหรือในไทยล้วนมีความคล้ายกัน ต่างไปเพียงแค่เปลี่ยนตัวละคร ซึ่งคนเหล่านี้ต่างก็รอคอยความช่วยเหลือและกำลังใจจากการเขียนจดหมายของคนธรรมดา แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลจึงตระหนักอยู่เสมอ เพื่อทำให้การสื่อสารสามารถนำพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
“หน้าที่ของเราคือการสื่อสารเรื่องสิทธิมนุษยชนให้คนในสังคม แต่เขาจะร่วมลงชื่อหรือเขียนจดหมายกับเราไหม ไม่เป็นไร เพียงแค่อยากให้เห็นถึงความสำคัญของการเขียนและหลักสิทธิมนุษยชนที่ไม่ต้องมีใครถูกละเมิดอีก”
รณรงค์เคสในไทยควบคู่ไปกับเคสระดับโลก
ในปี 2023 นับเป็นครั้งแรกที่แอมเนสตี้ได้หยิบเอาเรื่องราวของคนไทยขึ้นมาทำงานรณรงค์ควบคู่ไปกับเคสจากทั่วโลก ซึ่งเป็นเรื่องราวของ อัญชัญ ปรีเลิศ อดีตข้าราชการกรมสรรพากร ผู้ที่ถูกคุมขังด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากการใช้เสรีภาพในการแชร์คลิปบนโซเชียลมีเดีย และในปีนั้นก็นับได้ว่าเป็นก้าวสำคัญที่สามารถทำให้สังคมได้ลุกขึ้นมาตั้งคำถามกับกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศว่าอะไรทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องมาเผชิญกับโชคชะตาอันโหดร้ายเช่นนี้
กว่าหนึ่งหมื่นลายเซ็นและโปสต์การ์ดการถูกส่งถึงมือของอัญชัญในวันที่แคมเปญ Write for Rights เขียน เปลี่ยน โลก ปี 2023 จบลง ทุกตัวอักษร ทุกโปสต์การ์ดที่ส่งไป เธอได้รับและอ่านมันด้วยความปลาบปลื้ม จิณห์วราเล่าว่าในทุกครั้งที่เดินทางไปเยี่ยมอัญชัญในเรือนจำ เธอมักจะฝากข้อความมาบอกคนข้างนอกว่าขอบคุณที่ยังไม่ลืม และขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้ เพราะจดหมายเป็นเพียงสิ่งเดียวที่หล่อเลี้ยงหัวใจและทำให้เธอยังคงยืนหยัดต่อสู้อยู่ได้ แม้ในวันที่ต้องทนทุกข์อยู่หลังกรงขังก็ตาม

“คุณป้าอัญชัญจะรู้สึกดีใจเสมอที่เห็นจดหมายและโปสต์การ์ด เขาจะบอกว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก บอกให้เราเก็บไว้ให้หน่อยนะ เดี๋ยวออกไปจะเอากลับไปไว้ที่บ้าน” เสียงจากอัญชัญที่ส่งผ่านมายังจิณห์รา
2024 เริ่มต้นเขียน เปลี่ยน โลก อีกครั้ง
มาวันนี้ในปี 2024 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยเริ่มทำงานกับแคมเปญ Write for Rights เขียน เปลี่ยน โลกอีกครั้ง และเช่นเคยที่เราจะทำกิจกรรมรณรงค์ตลอดระยะเวลา 4 เดือน เพื่อสื่อสารเรื่องราวของผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก และเคสยุทธศาสตร์ในปีนี้มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 คน ซึ่งเป็น 4 เรื่องราวที่มีความแตกต่างกันจากแต่ละประเทศ ทั้ง
พัค คยอง ซอก นักเคลื่อนไหวในขบวนการสิทธิคนพิการจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ถูกดำเนินคดีจากการชุมนุมประท้วงอย่างสงบเพื่อเรียกร้องสิทธิคนพิการ สิทธิในการเคลื่อนย้ายที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินกรุงโซลและเกือบที่จะถูกทำให้หายใจไม่ออก
โจเอล ปาเรเดส ประเทศอาร์เจนตินา ช่างเซรามิก วัย 29 ปีที่ถูกยิงกระสุนยางที่ตาขวาจนบอดถาวรจากการสลายการชุมนุม หลังจากเขาเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงต่อต้านการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเอื้อให้เกิดการบุกรุกพื้นที่ชุมชนโดยไม่รับฟังเสียงของประชาชน
มานาฮีล อัล-โอตัยบี หญิงสาวผู้เรียกร้องสิทธิสตรีจากประเทศซาอุดีอาระเบีย และถูกตัดสินโทษจำคุก 11 ปี ในข้อหา “ความผิดฐานก่อการร้าย” จากการใช้เสรีภาพในการแสดงออกสนับสนุนสิทธิผู้หญิงในโซเชียลมีเดียของ
อานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชนจากประเทศไทย ที่ถูกลงโทษจำคุก 18 ปี 10 เดือน 20 วัน จากคดีตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะจากการแสดงออกในการปราศรัยช่วง #ม็อบ14ตุลา63
และแน่นอนว่าพลังการเขียนของคนธรรมดาทุกคนสามารถสร้างเป็นความเปลี่ยนแปลงแปลงอันยิ่งใหญ่ และเป็นพลังที่มีความหมายมากพอที่จะทำให้ผู้คนที่ถูกละเมิดสิทธิได้รับความยุติธรรม ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ Write for Rights เขียน เปลี่ยน โลก ได้
———
ลงชื่อและเขียนจดหมายเพื่อยืนหยัดเคียงข้างสิทธิมนุษยชนได้ที่ : https://bit.ly/3Zn4PqW
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแอมเนสตี้
บริจาคสนับสนุนแอมเนสตี้